เศษผักและผลไม้สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง

👀 การคั้นน้ำผลไม้ช่วยลดขยะได้มากกว่าการนำเยื่อกระดาษมาใช้ซ้ำ! ใช้เศษอาหารจากการเตรียมน้ำผลไม้เพื่อความยั่งยืนยิ่งขึ้น

หลายๆ คนพูดถึงการคั้นน้ำผลไม้โดยเน้นที่เนื้อผลไม้เป็นหลัก แต่ต้องคำนึงถึงของเสียที่เกิดขึ้นก่อนคั้นน้ำผลไม้ด้วย

เปลือก ใบ ก้าน และส่วนปลายของผลไม้ที่ถูกเอาออกและทิ้งก่อนคั้นน้ำผลไม้ถือเป็นขยะอาหาร! ซึ่งรวมถึงการทำอาหารและการกินด้วย!

ใช้ส่วนผสมที่เหลือเพื่อลดปริมาณขยะในครัวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น!

1. น้ำสต๊อกผัก
2. ซุปและซอส
3. ผักบีทรูทผัด
4. ผงเปลือกทับทิม
5. หม้อตุ๋น
6. เปลือกส้มเชื่อม
7. เปลือกแตงโมดอง
8. ชาเปลือกสับปะรด
9. ปลูกต้นไม้ใหม่
10. ปุ๋ยหมัก

สูตรอาหารส่วนใหญ่มีไว้สำหรับรับประทาน หากต้องการรับประทานเศษอาหารที่เหลือ เราขอแนะนำให้ทำความสะอาดให้สะอาด หากคุณไม่สบายใจที่จะใช้เศษอาหารเพื่อรับประทาน ให้ใช้เฉพาะในครัวเรือนและนอกบ้านเท่านั้น!

1. น้ำสต็อกผัก/น้ำซุป

วิธีที่ดีที่สุดในการใช้เศษผักจากน้ำคั้นหลายๆ อย่างพร้อมกันคือการทำน้ำสต็อกผัก เพราะคุณสามารถใช้เศษผักชนิดใดก็ได้

ผักที่ใช้คั้นน้ำคั้นทั่วไปบางชนิดที่ใช้ทำน้ำสต็อกได้ ได้แก่ แครอท เซเลอรี บีทรูท ยี่หร่า คะน้า และผักชีฝรั่ง

น้ำสต็อกผักเป็นทางเลือกแบบโฮมเมดสำหรับมังสวิรัติแทนน้ำสต็อกไก่หรือเนื้อสำเร็จรูป

ใช้น้ำสต็อกผักที่ทำเองในซุป สตูว์ หม้อตุ๋น และซอส!

📌 วิธีทำน้ำซุปผักจากเศษผัก

รวบรวมส่วนยอด ส่วนโคน ใบ ก้าน และเปลือกผักไว้ในถุง แช่แข็งนานถึง 6 เดือนหากเก็บเป็นเวลานาน

ใส่เศษผักลงในหม้อแล้วเติมน้ำ ¾

ต้มน้ำให้เดือดแล้วเคี่ยวเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที

กรองน้ำซุปผักออกจากเศษผัก ใช้ทันทีหรือเก็บในตู้เย็นได้นานถึง 4 วันหรือในช่องแช่แข็งได้นานถึง 3 เดือน

2. ซุปและซอส

ทำอาหารด้วยส่วนผสมที่ลดขยะโดยทำซุปและเพสโต้!

คุณสามารถใช้ผักคะน้าและลำต้นผักเพื่อทำซุปผักคะน้าได้!

เราขอแนะนำให้ใช้คะน้าหากคุณคั้นน้ำจากใบ เพราะใบคะน้าของคุณน่าจะมีลำต้นจากการคั้นน้ำ ก้านบร็อคโคลีและกะหล่ำดอกก็ใช้ได้เช่นกัน!

นอกจากนี้ ให้ใส่ผักคะน้าที่เหลือลงในเพสโต้ของคุณ! ลองใช้ผักใบเขียวจากราก เช่น ใบแครอท บีทรูท หัวผักกาด และหัวไชเท้า!

ผสมยอดแครอทกับเมล็ดฟักทองเพื่อทำเพสโต้ และใช้เศษผักคั้นน้ำสองชิ้นพร้อมกัน!

📌 สูตรซุปก้านคะน้า
- ซุปก้านคะน้า - Edible Seattle

📌 สูตรเพสโต้แครอท
- เพสโต้แครอท - Sweet Potato Soul

3. ผัดผักบีทรูท

หากคุณซื้อผักบีทรูทพร้อมผัก อย่าทิ้งก้านสีแดงและใบสีเขียว!

ผักบีทรูทจะน่ารับประทานเมื่อผัดกับน้ำมันและเครื่องปรุงรสและเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียง!

ผักบีทรูทยังอร่อยเมื่อใส่ในซุป ผักฟริตตาต้า พาสต้า ริซอตโต้ ข้าวอบธัญพืช และอื่นๆ อีกมากมาย!

📌 สูตรผัดผักบีทรูท
- ผักบีทรูท 1 กำพร้อมก้าน (จากบีทรูท 3-4 หัว)
- น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 2 กลีบ
- เกลือ ⅛ ช้อนชา

1. เด็ดใบออกจากก้าน หั่นก้านเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว แล้วหั่นใบหยาบๆ
2. ล้างทั้งสองใบด้วยกระชอน
3. ตั้งน้ำมันมะกอกให้ร้อนในกระทะบนไฟปานกลางค่อนข้างสูง ใส่ก้านบีทรูทลงไปแล้วผัดประมาณ 2-3 นาที โดยคนบ่อยๆ ก้านบีทรูทควรจะนิ่มเมื่อจิ้มด้วยส้อม
4. ใส่กระเทียมและเกลือลงไป ผัดต่ออีก 30 วินาที
5. ใส่ใบบีทรูทลงไปแล้วผัดต่ออีก 1-2 นาทีจนเหี่ยว เติมเกลือเพิ่มได้ตามต้องการ
สูตรโดย Cook the Story

4. ผงเปลือกทับทิม

คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถแปรรูปเปลือกทับทิมให้เป็นผงที่มีประโยชน์และใช้งานได้หลากหลาย

ผงทับทิมเป็นสีผสมอาหารและสารให้ความหวานจากธรรมชาติ คุณยังสามารถใช้ทำเครื่องปรุงรส น้ำหมัก และชาได้อีกด้วย

การนำผงทับทิมมาใช้ทำมาสก์หน้าก็เป็นอีกหนึ่งประโยชน์ที่คาดไม่ถึง! มาสก์หน้าที่มีผงทับทิมช่วยรักษาสิว ต่อต้านการเกิดสิว ลดรอยแผลเป็น และปรับสมดุลระดับความมัน

ต้องปอกเปลือกทับทิมก่อนนำไปคั้นน้ำทุกครั้ง! ทุกครั้งที่คุณใช้ทับทิมในการทำน้ำผลไม้ ให้เก็บเปลือกทับทิมไว้ทำเป็นผงสำหรับใช้ทำน้ำผลไม้!

📌 วิธีทำผงเปลือกทับทิม

1. ล้างเปลือกทับทิม
2. อบแห้งเปลือกทับทิมโดยวางไว้ใกล้แสงแดด 2-3 วัน หรืออบในเตาอบที่อุณหภูมิต่ำสุด 2-3 ชั่วโมง
3. ใส่เปลือกทับทิมแห้งลงในเครื่องปั่นและปั่นจนเป็นผง
4. เก็บผงทับทิมไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทได้นานถึง 1 เดือน

5. หม้อตุ๋น

หม้อตุ๋นหรือหม้ออบลมร้อน คือการใช้ความร้อนต่ำในการต้มส่วนผสมต่างๆ เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมในครัวหรือบ้านของคุณ

หม้อตุ๋นเป็นทางเลือกที่ดีแทนการจุดเทียนหรือใช้สเปรย์ปรับอากาศแบบเสียบปลั๊กหรือสเปรย์ปรับอากาศในห้อง!

ผลไม้ เครื่องเทศ และสมุนไพรเป็นส่วนผสมทั่วไปของหม้อตุ๋น เนื่องจากให้กลิ่นหอม

ใช้ส่วนต่างๆ ที่เหลือของผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้รสเปรี้ยว เช่น เปลือก ปลาย และแกนของผลไม้!

หม้อตุ๋นติดตั้งง่ายมาก! เรียนรู้วิธีทำหม้อตุ๋นจากเศษอาหารในครัว

📌 วิธีทำหม้อตุ๋นจากเศษอาหาร

เติมน้ำลงในหม้อ เว้นที่ไว้ด้านบนเพื่อหลีกเลี่ยงการหกเลอะเทอะขณะตุ๋น

ใส่เศษอาหาร (เปลือกส้ม เปลือกสับปะรด แกนแอปเปิล เปลือกฟักทอง ฯลฯ)

ใส่เครื่องเทศและสมุนไพร (กานพลู กระวาน อบเชย โรสแมรี่ ไธม์ ฯลฯ)

วางหม้อบนเตาไฟอ่อนเพื่อตุ๋น เติมน้ำลงในหม้อเมื่อจำเป็น อย่าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล

เคี่ยวเป็นเวลาสองสามชั่วโมง

ปิดไฟแล้วปล่อยให้เย็น ย้ายส่วนผสมลงในภาชนะเพื่อเก็บไว้ในตู้เย็น คุณสามารถนำส่วนผสมทั้งหมดกลับมาใช้ใหม่ได้หลายวัน

6. เปลือกส้มเชื่อม

เราขอแนะนำให้นำเปลือกส้มและเกรปฟรุตออกก่อนคั้นน้ำ เพราะจะทำให้รสขมของน้ำส้ม

แต่แทนที่จะทิ้งเปลือกส้มของคุณไป ให้เปลี่ยนเป็นลูกอมแทน!

ลูกอมเปลือกส้มไม่เพียงแต่ไม่ใช้เศษผลไม้เป็นของเสียเท่านั้น แต่ยังเป็นทางเลือกจากธรรมชาติที่เหมาะสำหรับเด็กแทนลูกอมแบบดั้งเดิมอีกด้วย

สูตรนี้ประกอบด้วยส่วนผสม 3 อย่าง ได้แก่ เปลือกผลไม้ น้ำ และน้ำตาลหรือน้ำผึ้งตามที่คุณเลือก

ดูสูตรเปลือกส้มเชื่อมผสมน้ำผึ้งและน้ำตาลสูตรอื่นด้านล่าง!

📌 สูตรเปลือกส้มเชื่อม

- เปลือกส้มเชื่อมกับน้ำผึ้ง (Paleo) - Perchance to Cook
- เปลือกส้มเชื่อมกับน้ำตาล - Daring Gourmet
เคล็ดลับ: ส่วนผสมน้ำตาลและน้ำที่เหลือจะทำเป็นน้ำเชื่อมส้มธรรมดา ใช้ไซรัปนี้กับเครื่องดื่มและการอบเพื่อเพิ่มความหวานและรสชาติ!

7. เปลือกแตงโมดอง

เราชอบคั้นน้ำแตงโมด้วยเปลือก แต่เราเข้าใจดีว่าไม่ใช่ทุกคนจะชอบ!

แทนที่จะคั้นน้ำแตงโม เราขอเสนอทางเลือกอื่นแทนการคั้นน้ำเปลือกแตงโม นั่นก็คือ เปลือกแตงโมดอง!

เปลือกแตงโมดองเป็นของว่างฤดูร้อนที่ไม่สร้างขยะเลย! เพลิดเพลินกับมันพร้อมกับน้ำแตงโมสดสักแก้ว!

ส่วนผสมหลักโดยทั่วไปคือเปลือกแตงโม น้ำ น้ำส้มสายชู เกลือ และเครื่องเทศ

ดูสูตรอาหารหนึ่งสูตรด้านล่าง!

📌 สูตรน้ำดองเปลือกแตงโม

- น้ำดองเปลือกแตงโม - Watermelon.org

8. ชาเปลือกสับปะรด

เราขอแนะนำให้คั้นน้ำสับปะรดทั้งเปลือก!

แต่ถ้าคุณไม่อยากคั้นเปลือกสับปะรด ให้ทำความสะอาดและต้มเพื่อทำชาเปลือกสับปะรด!

ชาเปลือกสับปะรดดีต่อสุขภาพเพราะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง และอื่นๆ อีกมากมาย

ดื่มชาเปลือกสับปะรดร้อนในฤดูหนาวและใส่น้ำแข็งในฤดูร้อนเพื่อรับประโยชน์ตลอดทั้งปี!

@haroldleffall ชอบต้มเปลือกสับปะรดกับขิง เปลือกอบเชย และกานพลู! ดูสูตรของเขาได้ด้านล่าง

📌 สูตรชาเปลือกสับปะรด

- เปลือกสับปะรด
- ขิง
- เปลือกอบเชย
- กานพลู

1. ใส่เปลือกสับปะรดลงในหม้อน้ำเดือดพร้อมกับขิง อบเชย และกานพลู ต้มด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 15 นาที
2. ปล่อยทิ้งไว้โดยปิดไฟอีก 15 นาที
3. กรองของเหลวออก
4. ปล่อยให้เย็นลงอีกสักพักแล้วเติมน้ำแข็งหากต้องการให้เย็นลง 