แม้ว่าน้ำผลไม้และสมูทตี้มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นน้ำผลไม้ชนิดเดียวกัน แต่ปัจจัยสี่ประการต่อไปนี้สามารถแยกแยะน้ำผลไม้และสมูทตี้ได้:
• 1. ไฟเบอร์
• 2. อัตราการดูดซึม
• 3. ส่วนผสม
• 4. ความสม่ำเสมอ/เนื้อสัมผัส
หลังจากที่เข้าใจถึงความแตกต่างและคุณประโยชน์ของมันแล้ว คุณก็สามารถตัดสินใจได้ว่าน้ำผลไม้หรือสมูทตี้แบบไหนดีกว่าสำหรับคุณ!
1. ไฟเบอร์
ความแตกต่างหลักระหว่างน้ำผลไม้กับสมูทตี้คือปริมาณไฟเบอร์
เมื่อเราคิดถึงไฟเบอร์ เราก็จะนึกถึงเยื่อกระดาษ หลายคนคิดว่าน้ำผลไม้ไม่มีไฟเบอร์เพราะไม่มีเยื่อกระดาษ ความจริงก็คือน้ำผลไม้มีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้
ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้จะละลายในน้ำเมื่อเข้าไปในกระเพาะและลำไส้ ไฟเบอร์เป็นกุญแจสำคัญในการชะลอการย่อยอาหาร ช่วยควบคุมน้ำหนัก และปรับปรุงสุขภาพลำไส้
ไฟเบอร์อีกประเภทหนึ่งคือไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาตรให้กับอุจจาระและทำให้เรารู้สึกอิ่ม เยื่อกระดาษเป็นไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับไฟเบอร์ทั้งสองประเภทได้ที่นี่
เนื่องจากน้ำผลไม้มีเยื่อกระดาษเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย จึงมีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
สมูทตี้มีทั้งไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำเนื่องจากเป็นส่วนผสมของน้ำผลไม้และเยื่อกระดาษ
หากไฟเบอร์มีความสำคัญ สมูทตี้มีไฟเบอร์สูงสุด น้ำผลไม้ที่มีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้เป็นทางเลือกที่เบากว่าและย่อยง่ายกว่า
2. อัตราการดูดซึม
ร่างกายต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหารเสียก่อน ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อความเร็วในการย่อยอาหารคือไฟเบอร์ ยิ่งไฟเบอร์มาก กระบวนการย่อยและดูดซึมก็จะยิ่งช้าลง
น้ำผลไม้มีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งจะทำให้การย่อยอาหารช้าลงเล็กน้อย เนื่องจากมีไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีเลย จึงมีเนื้อสัมผัสที่น้อยกว่า ทำให้ดูดซึมสารอาหารได้เร็วกว่าสมูทตี้ ผลไม้และผักทั้งลูก ดังนั้น น้ำผลไม้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการเพิ่มพลังงานอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตอนเช้า
สมูทตี้มีอัตราการดูดซึมที่ช้ากว่าเนื่องจากมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำ ไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำสามารถช่วยรักษาพลังงานได้นานกว่า จึงเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการทดแทนอาหาร
3. ส่วนผสม
น้ำผลไม้และสมูทตี้สามารถใช้ผลไม้ ผัก ใบเขียว สมุนไพร ฯลฯ ได้หลากหลาย แต่ส่วนผสมบางอย่างก็เหมาะกับชนิดหนึ่งมากกว่าอีกชนิดหนึ่ง
ส่วนผสมที่แข็งหรือมีน้ำมากเหมาะที่สุดสำหรับการคั้นน้ำผลไม้เพราะจะได้เนื้อที่แห้งและให้ผลผลิตสูง
ในขณะเดียวกัน ผลไม้เนื้อนิ่มเหมาะที่สุดสำหรับสมูทตี้เพราะช่วยสร้างเนื้อสัมผัสที่เป็นครีม
ลองนึกถึงส่วนผสมที่คุณชอบหรือต้องการมากขึ้น และเครื่องดื่มชนิดใดที่เหมาะกับส่วนผสมเหล่านั้น!
ตัวอย่างเช่น แอปเปิ้ลและบีทรูทเหมาะกับน้ำผลไม้เนื่องจากมีปริมาณน้ำสูง ในขณะที่อะโวคาโดมีเนื้อสัมผัสที่เป็นครีมซึ่งเหมาะกับสมูทตี้มากกว่า ดังนั้น น้ำแอปเปิ้ลบีทรูทและสมูทตี้อะโวคาโดจึงสมเหตุสมผลมากกว่าน้ำแอปเปิ้ลบีทรูทและสมูทตี้อะโวคาโด!
ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการระหว่างน้ำผลไม้และสมูทตี้คือความจำเป็นของของเหลว
น้ำผลไม้ไม่ต้องการน้ำเพราะส่วนผสมดิบจะผลิตน้ำผลไม้เมื่อใส่ลงในเครื่องคั้นน้ำผลไม้ น้ำผลไม้ดิบมักจะมีรสชาติเข้มข้น ในทางกลับกัน สมูทตี้ต้องการของเหลว เช่น น้ำหรือนม เพื่อให้ปั่นได้ง่ายขึ้น การเติมของเหลวลงไปอาจทำให้รสชาติเจือจางลงได้
4. ความสม่ำเสมอ/เนื้อสัมผัส
ส่วนผสมและเนื้อสัมผัสสามารถส่งผลโดยตรงต่อความสม่ำเสมอและเนื้อสัมผัสของเครื่องดื่มได้
เนื่องจากน้ำผลไม้มักมีเนื้อสัมผัสเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย จึงมักจะมีลักษณะเหลวและเนียนเรียบ
สมูทตี้จะมีความเข้มข้นและครีมมี่มากกว่าน้ำผลไม้ เนื่องจากใช้ส่วนผสมที่นุ่มกว่าและมีเนื้อสัมผัสมากกว่า
แม้จะเป็นเช่นนี้ ของเหลวก็สามารถปรับความสม่ำเสมอและเนื้อสัมผัสของสมูทตี้ได้อย่างง่ายดาย การเติมของเหลวเพิ่มสามารถเปลี่ยนสมูทตี้จากที่ข้นและครีมมี่มากเป็นเหลวและคล้ายน้ำผลไม้ได้
ความสม่ำเสมอและเนื้อสัมผัสของน้ำผลไม้และสมูทตี้ขึ้นอยู่กับความชอบ
หากคุณชอบเครื่องดื่มเบาๆ ที่มีเนื้อสัมผัสสม่ำเสมอ ให้ลองดื่มน้ำผลไม้ หากคุณชอบเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นและสามารถปรับเนื้อสัมผัสได้ ให้ลองดื่มสมูทตี้!
📌 บทสรุป
ดูสรุปความแตกต่างหลักระหว่างน้ำผลไม้และสมูทตี้ด้านล่าง
| น้ำผลไม้ | สมูทตี้ |
|
|
ท้ายที่สุดแล้ว น้ำผลไม้เหมาะสำหรับการดูดซับสารอาหารจากส่วนผสมดิบต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่สมูทตี้เหมาะสำหรับการทำให้รู้สึกอิ่มและไม่ทิ้งไฟเบอร์ไว้
เลือกเครื่องดื่มที่เหมาะกับความต้องการของคุณ หรือจะรวมทั้งสองอย่างเข้าไว้ในอาหารของคุณก็ได้!
การดื่มน้ำผลไม้และสมูทตี้เพื่อสุขภาพเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายด้วยเครื่องคั้นน้ำผลไม้ Kuvings! เครื่องคั้นน้ำผลไม้ Kuvings สามารถทำน้ำผลไม้และสมูทตี้ได้ เพราะมีที่กรองคั้นน้ำผลไม้และที่กรองสมูทตี้มาให้!
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ซ้ำโดยได้รับอนุญาตจาก www.kuvingsusa.com
📸 by Instagram @lindyiso




















































