กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย และอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิดที่ส่งผลดีต่อร่างกายของเราค่ะ สารอาหารเหล่านี้ ได้แก่:
- สารประกอบกำมะถัน: เป็นสารสำคัญที่ให้กลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวของกระเทียม และมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
- อัลลิซิน (Allicin): สารประกอบกำมะถันชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
- ซีลีเนียม: เป็นแร่ธาตุที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง และช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- วิตามินบี6: ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง และมีส่วนร่วมในการทำงานของระบบประสาท
- แมงกานีส: ช่วยในการสร้างกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
- แคลเซียม: จำเป็นสำหรับการสร้างและบำรุงกระดูกและฟัน
- โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิต
นอกจากสารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว กระเทียมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้แก่
- โรคหัวใจและหลอดเลือด: กระเทียมช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
- โรคมะเร็ง: สารต้านอนุมูลอิสระในกระเทียมช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- โรคเบาหวาน: กระเทียมช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- โรคอัลไซเมอร์: สารสกัดจากกระเทียมอาจช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์สมอง
การสกัดเย็น เป็นวิธีการสกัดน้ำจากกระเทียมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารของกระเทียมได้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับวิธีการต้มหรือวิธีอื่นๆ
ทำไมต้องสกัดเย็น?
การสกัดเย็น เป็นวิธีการสกัดน้ำจากพืชโดยไม่ใช้ความร้อน ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารได้ดีที่สุด เหตุผลที่เราควรเลือกวิธีสกัดเย็นมีดังนี้
- รักษาสารอาหาร: กระบวนการสกัดเย็นจะไม่ใช้ความร้อนสูง ทำให้สารอาหารต่างๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระในกระเทียมยังคงอยู่ครบถ้วน
- รสชาติเข้มข้น: น้ำกระเทียมที่ได้จากการสกัดเย็นจะมีรสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นหอมเฉพาะตัวมากขึ้น
- ประโยชน์สูงสุด: การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจากกระเทียมจะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุด เช่น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
วิธีการสกัดน้ำกระเทียมแบบเย็น
- เตรียมวัตถุดิบ: กระเทียมสดสะอาด
- ปอกและหั่น: ปอกเปลือกกระเทียมแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
- สกัด: นำกระเทียมที่หั่นแล้วใส่เครื่องสกัดเย็น (Juicer)
- กรอง: กรองน้ำกระเทียมที่ได้เพื่อแยกกาก
- เก็บรักษา: เก็บน้ำกระเทียมที่ได้ในตู้เย็น
เครื่องมือที่ใช้ในการสกัดเย็น
- เครื่องสกัดเย็น: มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบหมุนและแบบกด แต่ละแบบจะมีประสิทธิภาพและราคาแตกต่างกันไป
ประโยชน์เพิ่มเติมของน้ำกระเทียมสกัดเย็น
- บำรุงผิวพรรณ: ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดรอยสิว และชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว
- บำรุงเส้นผม: ช่วยลดปัญหาผมร่วงและทำให้ผมแข็งแรง
- ช่วยในการย่อยอาหาร: ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
ข้อควรระวัง
- ปริมาณ: ควรดื่มน้ำกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสม
- การแพ้: ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียม ควรหลีกเลี่ยง
- การเก็บรักษา: ควรเก็บน้ำกระเทียมในตู้เย็น และควรดื่มให้หมดภายใน 2-3 วัน
สรุป การสกัดน้ำกระเทียมแบบเย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาคุณค่าทางอาหารของกระเทียม การดื่มน้ำกระเทียมสกัดเย็นอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี